การเลือกระหว่าง Tesla Model 3 และ Model Y ขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะการใช้งานของคุณ โดยทั้งสองรุ่นมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน Tesla Model 3 ข้อดี ราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า Model Y มีขนาดที่คล่องตัวกว่า เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง มีสมรรถนะการขับขี่ที่ปราดเปรียวและคล่องตัว วิ่งได้ระยะทางที่ไกลกว่า Model Y ในรุ่นแบตเตอรี่เดียวกัน ขับสนุกกว่า เพราะตัวรถเตี้ย น้ำหนักเบากว่า แอโรไดนามิกดีกว่า ประหยัดพลังงานกว่า วิ่งได้ไกลกว่า อัตราเร่งดีมาก (โดยเฉพาะรุ่น Performance) ข้อเสีย พื้นที่เก็บสัมภาระน้อยกว่า Model Y พื้นที่โดยสารตอนหลังอาจไม่กว้างขวางเท่า Model Y ระยะห่างจากพื้นที่ต่ำกว่า Model Y ที่นั่งต่ำกว่า อาจไม่สะดวกสำหรับผู้สูงอายุ Tesla Model Y ข้อดี มีพื้นที่เก็บสัมภาระและพื้นที่โดยสารที่กว้างขวางกว่า มีรูปลักษณ์แบบ SUV ที่ดูแข็งแกร่งและอเนกประสงค์ ระยะห่างจากพื้นมากกว่า Model 3 ทำให้ลุยทางขรุขระได้ดีกว่า ตำแหน่งที่นั่งสูงกว่า วิสัยทัศน์ดี นั่งสบายขึ้น มีรุ่น 7 ที่นั่ง (สำหรับครอบครัวใหญ่) ข้อเสีย ราคาสูงกว่า Model 3 มีขนาดที่ใหญ่กว่า ทำให้การขับขี่ในเมืองอาจไม่คล่องตัวเท่า Model 3 วิ่งได้ระยะทางที่สั้นกว่า Model 3 ในรุ่นแบตเตอรี่เดียวกัน อัตราเร่งช้ากว่านิดหน่อย ไม่คล่องตัวเท่า Model 3 ในการขับขี่โค้งแรงๆ การเลือก Tesla Model 3 หรือ Model Y ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักที่คุณให้ความสำคัญ เช่น งบประมาณ, ความสะดวกสบาย, การขับขี่, พื้นที่เก็บของ และ ประสิทธิภาพแบตเตอรี่
(22/03/2025 15:00) ...อ่านต่อช่วงต้นปีของโอซาก้า มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นเป็นอีกหนึ่งฤดูที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวญี่ปุ่น สำหรับทริปการท่องเที่ยวต้นปีนี้เลือกที่จะไปท่องเที่ยวพักผ่อนต่างประเทศที่ญี่ปุ่นครับ และเมืองที่เลือกไปคีือ โอซาก้า พวกเรามีแพลนไปเที่ยวโอซาก้าทั้งหมด 7 วัน 6 คืน เริ่มออกเดินทางวันที่ 17 กุมภาพันธ์ เวลาตี 1 ใช้เวลาเดินทางถึงสนามบิน Kansai International Airport จำนวน 6 ชั่วโมง ทริปนี้เราเลือกที่นั่ง Business ของสายการบิน Air Asia เป็นแบบเบาะนอนทำให้ตอนเราอยู่บนเครื่องบินไปถึงญี่ปุ่นไม่รู้สึกเหนื่อยล้าจากการขึ้นเครื่อง เมื่อไปถึงญี่ปุ่นก็พร้อมลุยกันได้เลย นี่คือข้อดี
(11/03/2025 14:00) ...อ่านต่อช่วงต้นปีของโอซาก้า มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นเป็นอีกหนึ่งฤดูที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวญี่ปุ่น สำหรับทริปการท่องเที่ยวต้นปีนี้เลือกที่จะไปท่องเที่ยวพักผ่อนต่างประเทศที่ญี่ปุ่นครับ และเมืองที่เลือกไปคีือ โอซาก้า พวกเรามีแพลนไปเที่ยวโอซาก้าทั้งหมด 7 วัน 6 คืน เริ่มออกเดินทางวันที่ 17 กุมภาพันธ์ เวลาตี 1 ใช้เวลาเดินทางถึงสนามบิน Kansai International Airport จำนวน 6 ชั่วโมง ทริปนี้เราเลือกที่นั่ง Business ของสายการบิน Air Asia เป็นแบบเบาะนอนทำให้ตอนเราอยู่บนเครื่องบินไปถึงญี่ปุ่นไม่รู้สึกเหนื่อยล้าจากการขึ้นเครื่อง เมื่อไปถึงญี่ปุ่นก็พร้อมลุยกันได้เลย นี่คือข้อดี
(07/03/2025 08:00) ...อ่านต่อช่วงต้นปีของโอซาก้า มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นเป็นอีกหนึ่งฤดูที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวญี่ปุ่น สำหรับทริปการท่องเที่ยวต้นปีนี้เลือกที่จะไปท่องเที่ยวพักผ่อนต่างประเทศที่ญี่ปุ่นครับ และเมืองที่เลือกไปคีือ โอซาก้า พวกเรามีแพลนไปเที่ยวโอซาก้าทั้งหมด 7 วัน 6 คืน เริ่มออกเดินทางวันที่ 17 กุมภาพันธ์ เวลาตี 1 ใช้เวลาเดินทางถึงสนามบิน Kansai International Airport จำนวน 6 ชั่วโมง ทริปนี้เราเลือกที่นั่ง Business ของสายการบิน Air Asia เป็นแบบเบาะนอนทำให้ตอนเราอยู่บนเครื่องบินไปถึงญี่ปุ่นไม่รู้สึกเหนื่อยล้าจากการขึ้นเครื่อง เมื่อไปถึงญี่ปุ่นก็พร้อมลุยกันได้เลย นี่คือข้อดี
(07/03/2025 11:00) ...อ่านต่อออนเซ็น ม่อนแจ่ม ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่นี่ได้รับแรงบันดาลใจจากออนเซ็นแบบญี่ปุ่น สร้างขึ้นท่ามกลางธรรมชาติบนยอดเขาม่อนแจ่มที่สูงประมาณ 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ให้บรรยากาศที่เย็นสบายเกือบตลอดทั้งปี ซึ่งทำให้ออนเซ็นแห่งนี้เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองและผ่อนคลายด้วยธรรมชาติ
(12/11/2024 12:00) ...อ่านต่อArte Museum Gangneung ตั้งอยู่ที่ ทะเลสาบเกียนโป ในเมือง กังนึง จังหวัด คังวอน ประเทศเกาหลีใต้ เปิดให้บริการในเดือนธันวาคม ปี 2021 โดยเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มอบประสบการณ์ศิลปะดิจิทัลที่ผสมผสานระหว่างภาพ เสียง และกลิ่น โดยเฉพาะการจัดแสดงสื่อศิลป์ที่สามารถสัมผัสได้ทุกประสาทสัมผัส
(11/11/2024 19:00) ...อ่านต่อกาะนามิ (Nami Island) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศเกาหลีใต้ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติและความสงบ เกาะนี้มีชื่อเสียงในฐานะเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ชื่อดังของเกาหลีเรื่อง Winter Sonata เกาะนี้จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โด่งดังไปทั่วโลก ประวัติของเกาะนามิ เกาะนามิได้รับการตั้งชื่อตามนายพลนามี ซึ่งเป็นขุนพลที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์โชซอน เกาะนี้เดิมเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำฮัน แต่เนื่องจากการสร้างเขื่อนชองพยอง (Cheongpyeong Dam) ทำให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นเกาะ เกาะนามิมีรูปร่างคล้ายครึ่งวงกลม จึงมีชื่อเรียกว่า "เกาะพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว" การเดินทางไปเกาะนามิ จากกรุงโซลสามารถเดินทางไปเกาะนามิได้โดยใช้รถไฟหรือรถบัส: รถไฟ: ขึ้นรถไฟสาย Gyeongchun Line จากสถานี Sangbong หรือสถานี Cheongnyangni ไปยังสถานี Gapyeong ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุดกับเกาะนามิ จากนั้นต่อรถแท็กซี่หรือรถบัสไปยังท่าเรือข้ามฟาก รถบัส: มีรถบัสบริการตรงจากกรุงโซลไปยังท่าเรือเกาะนามิ เมื่อมาถึงท่าเรือ นักท่องเที่ยวต้องซื้อตั๋วเรือข้ามฟากเพื่อข้ามไปยังเกาะ โดยเรือใช้เวลาข้ามประมาณ 5 นาที สถานที่น่าสนใจบนเกาะนามิ ถนนเมเปิ้ลและถนนต้นแปะก๊วย: สองเส้นทางที่เป็นจุดไฮไลท์ของเกาะ เมเปิ้ลจะเปลี่ยนสีสวยงามในฤดูใบไม้ร่วง ส่วนต้นแปะก๊วยจะเป็นสีทองที่งดงาม สวนสาธารณะและพื้นที่ปิกนิก: เกาะนามิเป็นที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน มีสวนและพื้นที่ปิกนิกหลายแห่งที่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งชิลล์ได้ สวนประติมากรรม: มีงานประติมากรรมมากมายที่ถูกจัดวางไว้ทั่วเกาะ บางงานมีขนาดใหญ่และมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์: บนเกาะนามิมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะและหอศิลป์ขนาดเล็ก ซึ่งแสดงผลงานของศิลปินท้องถิ่นและศิลปินนานาชาติ ราคา ตั๋วเรือข้ามฟาก: ราคาประมาณ 13,000 วอน (ราว ๆ 350 บาทไทย) ซึ่งรวมค่าผ่านประตูเข้าชมเกาะแล้ว ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ: ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่เลือก เช่น การเช่าจักรยาน การนั่งซิปไลน์ หรือการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ เกาะนามิเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการเที่ยวแบบครอบครัว คู่รัก หรือนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการสัมผัสธรรมชาติ
(22/08/2024 19:00) ...อ่านต่อLegoland เกาหลี ตั้งอยู่ที่เมืองชุนชอน จังหวัดคังวอน เป็นสวนสนุกที่สร้างขึ้นบนเกาะโจนโด (Jeondot Island) กลางทะเลสาบ มีความพิเศษตรงที่เป็นสวนสนุกเลโก้แห่งแรกที่สร้างบนเกาะโดยเฉพาะ โซนต่างๆ ในสวนสนุก: Legoland เกาหลีแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเลโก้ เช่น Miniland (สร้างเมืองต่างๆ ด้วยเลโก้), Lego Castle, Pirate Shores, Ninjago World, และอื่นๆ กิจกรรม: มีการแสดงโชว์และขบวนพาเหรดที่น่าสนใจ กิจกรรมเลโก้สร้างสรรค์ที่สามารถร่วมสนุกได้ และเครื่องเล่นต่างๆ เช่น รถไฟเหาะเลโก้ เรือโจรสลัด รถดับเพลิงฉีดน้ำและอื่นๆอีกมากมาย ครอบครัว: ที่นี่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กๆ เพราะมีกิจกรรมที่เหมาะสมและสนุกสนานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ การเดินทาง: สามารถเดินทางจากโซลไปยังชุนชอนได้โดยใช้รถไฟ KTX หรือ ITX ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง เวลาที่เหมาะสม: แนะนำให้ไปช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะเย็นสบาย เหมาะกับการเที่ยวสนุกตลอดทั้งวัน เดินมาด้านโซนหน้าจะมีการจัดแสดงต่อเลโก้เป็นเมืองต่างๆในประเทศเกาหลี สวยและอลังการมาก เหมือนหลุดเข้าไปแต่ละสถานที่เลย แต่จำลองมาให้อยู่ในที่เดียวกัน xxxxxเดินวนมาหน้าหมู่บ้าน Lego City จะพบกับกิจกรรมเล่นรถดับเพลิงฉีดน้ำ โดยสามารถต่อแถวเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมได้ อารมณ์ประมาณโยกๆ คันรถให้ไปถึงจุดเกิดเหตุไฟไหม แล้วยิงน้ำใส่ไฟดิจิตอลเพื่อให้ดับ เล่นเพลินๆดีจุดนี้xx อีกจุดที่เด็กและผู้ใหญ่มาร่วมเล่นเยอะก็คือ รถไฟเหาะ นั่นเอง ใครมาแล้วห้ามพลาด ไม่อันตรายมากเพราะไม่สูงมากจนเกินไป และสามารถต่อคิวมาวนเล่นได้หลายรอบเรื่อยๆเลย ก่อนจะออกไปที่รางรถไฟ จะผ่านอุโมงค์ดูเหล่า Lego man แต่ละจุดเพื่อเพิ่มความตื่นเต้นก่อนจะออกจากอุโมงค์เพื่อไปที่ราง จุดนี้นั่งรถไฟชมเพลินๆไปก่อน ช่วงจังหวะที่อยู่บนราง และเลี้ยวโค้งสนุกมาก ได้ความหวาดเสียว และตื่นเต้นดี หลังจากเล่นรถไฟเหาะแล้วพาเดินชม บรรยากาศโดยรอบ แนะนำจริงๆว่าควรมาในช่วงอากาศเย็นๆกันนะ เพราะว่าจะเดินสบายและชิลลสุดๆ จุดนี้เป็นกิจกรรม ควบม้าเล่นบนรางเดินรอบๆ สวน ได้ความสนุกเพลินๆไปอีกแบบ อาจจะเก็บภาพกิจกรรมทั้งหมดมาไม่ครบ เพราะว่าแต่ละจุดมีกิจกรรมให้เล่นเยอะมากจริงๆ บางโซนคนเยอะบ้าง น้อยบ้างไปแต่ละจุด แต่รับรองได้ว่ามากับครอบครัว หรือพาลูกๆ หลานๆ มาเที่ยวได้ความสนุกและต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน ห้ามพลาดกันเลยกับสวนสนุก Legoland
(22/08/2024 13:00) ...อ่านต่อกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีคาเฟ่หลากหลายแบบให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่ที่มีบรรยากาศสวยงาม คาเฟ่ที่เน้นกาแฟคุณภาพ หรือคาเฟ่ที่มีอาหารอร่อย ๆ เพื่อเสริมประสบการณ์การดื่มกาแฟ เลยลองมานั่งๆ ลิสคาเฟ่ที่เคยไปในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมา รอบกรุงเทพให้ทุกคน เป็นอีกตัวเลือกไปนั่งเช็คอิน ถ่ายรูปสวยๆกันได้เลย 1. ร้านเวทย์มนต์ คาเฟ่ แดนเนรมิต-VETMON Cafe Bangkok Dan Neramit 神奇之地 ร้านเวทย์มนต์ คาเฟ่ แดนเนรมิต (Witchs Brew & Brew) เป็นคาเฟ่ที่มีธีมเวทมนตร์และโลกแห่งจินตนาการ ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ บรรยากาศของร้านนี้จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่งความฝันที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และสิ่งแปลกประหลาด ร้านนี้เป็นที่นิยมสำหรับคนรักการถ่ายรูปและผู้ที่ต้องการประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการดื่มกาแฟและทานขนม เค้กเห็บหมา ถึงรูปลักษณ์จะดูน่าเกลียดไปนิด แต่รสชาติอร่อยอยู่นะ เหล่าบรรดาพ่อมด มาร่ายมนต์ ร้องรำทำเพลงเอนเทอร์เทนลูกค้าในร้าน ที่ตั้ง: ตลาดนัดรถไฟ แดนเนรมิต พหลโยธิน 24 จุดเด่น: การตกแต่งภายในร้านเน้นไปที่ธีมเวทมนตร์ มีการใช้สีเข้มและของตกแต่งที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ เช่น หนังสือเวทมนตร์, เครื่องราง, และอุปกรณ์เวทมนตร์ต่าง ๆ เมนู: มีเมนูเครื่องดื่มและขนมที่มีการตกแต่งอย่างสร้างสรรค์ เช่น เครื่องดื่มที่มีการใส่สีพิเศษ, ขนมที่มีรูปร่างคล้ายกับสิ่งของในโลกเวทมนตร์ 2. HOLIDAY PASTRY Flagship Store HOLIDAY PASTRY Flagship Store เป็นร้านขนมและเบเกอรี่ที่มีความโดดเด่นในด้านการสร้างสรรค์เมนูขนมหวานที่มีคุณภาพ และการตกแต่งร้านที่สวยงาม มีบรรยากาศที่อบอุ่นและเมนูขนมที่อร่อยหลากหลาย ที่ตั้ง: ในซอยเจริญนคร 10 จุดเด่น:บรรยากาศ: ร้านมีการตกแต่งที่ทันสมัยและอบอุ่น ใช้โทนสีอ่อนและวัสดุธรรมชาติ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เมนู: มีขนมอบและเบเกอรี่ที่หลากหลาย ทั้งครัวซองต์, เค้ก, ทาร์ต และคุกกี้ รวมถึงเครื่องดื่มต่าง ๆ เช่น กาแฟ, ชา, และน้ำผลไม้สด การนำเสนอ: การจัดจานและตกแต่งขนมมีความสวยงามและสร้างสรรค์ ทำให้ขนมทุกชิ้นดูน่าทานและเหมาะสำหรับการถ่ายรูป 3. kasnäsbkk เป็นร้านอาหารและคาเฟ่ที่นำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารสไตล์สแกนดิเนเวีย ร้านนี้มีความโดดเด่นในเรื่องของการใช้วัตถุดิบคุณภาพและการตกแต่งที่ทันสมัย นอกจากอาหารล้ว ยังมีเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลายและบรรยากาศที่อบอุ่นเหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อนและพบปะสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ที่ตั้ง: ถ. สาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก จุดเด่น:บรรยากาศ: การตกแต่งภายในร้านเน้นความเรียบง่ายและทันสมัยในสไตล์สแกนดิเนเวีย ใช้สีขาว, เทา, และไม้ธรรมชาติ ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายและอบอุ่น เมนูอาหาร: มีเมนูอาหารเช้า, อาหารกลางวัน, และอาหารเย็น เช่น แซนด์วิชเปิดหน้า, สลัด, ซุป และอาหารจานหลักที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่ เมนูเครื่องดื่ม: มีกาแฟ, ชา, น้ำผลไม้สด, และค็อกเทล 4. บีชชี่ คาเฟ่ เป็นร้านคาเฟ่ในกรุงเทพฯ ที่นำเสนอความรู้สึกเหมือนอยู่ริมชายหาด ด้วยการตกแต่งที่เน้นความสดใสและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ร้านนี้เป็นที่นิยมในหมู่คนรักการถ่ายรูปและผู้ที่ต้องการประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการดื่มกาแฟและทานขนม ที่ตั้ง: บางขุนเทียน ท่าข้าม จุดเด่น:บรรยากาศ: การตกแต่งภายในร้านเน้นธีมชายหาด มีการใช้สีสันสดใส เช่น สีฟ้า, ขาว, และเหลือง รวมถึงการใช้วัสดุธรรมชาติเพื่อสร้างความรู้สึกเหมือนอยู่ริมทะเล เมนู: มีเมนูเครื่องดื่มและขนมที่หลากหลาย เช่น กาแฟ, ชา, สมูทตี้, และขนมอบต่าง ๆ 5. พลัซ์ บางขุนเทียน เป็นร้านคาเฟ่และร้านอาหารที่มีบรรยากาศสบาย ๆ และสวยงาม ตั้งอยู่ในย่านบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ร้านนี้เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการสถานที่พักผ่อนและรับประทานอาหารอร่อย ๆ ในบรรยากาศที่เป็นกันเองและผ่อนคลาย ที่ตั้ง: ถนนบางขุนเทียน จุดเด่น:บรรยากาศ: ร้านมีการตกแต่งที่เน้นความเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ ใช้โทนสีอบอุ่น มีที่นั่งทั้งภายในและภายนอกร้าน ซึ่งสามารถมองเห็นวิวสวนและธรรมชาติได้ เมนู: มีเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย ทั้งอาหารไทย, อาหารฟิวชั่น, ของหวาน, และเครื่องดื่มต่าง ๆ เช่น กาแฟ, ชา, น้ำผลไม้สด 6. Peach Oriental Teahouse ที่ตั้ง: - จุดเด่น:บรรยากาศ: ร้านมีการตกแต่งที่นำเสนอสไตล์ตะวันออก ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความทันสมัย ใช้โทนสีอบอุ่น มีการจัดที่นั่งที่สบาย และเหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อนและดื่มชา เมนู: มีชาและเครื่องดื่มที่หลากหลาย รวมถึงของหวานและอาหารเบา ๆ ที่เหมาะกับการดื่มชา 7. Brooke Space ร้านนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มและของหวานอร่อยที่สามารถเลือกชิมได้หลายเมนู ที่ตั้ง: ลาดพร้าว 26 จุดเด่น:บรรยากาศ: บริเวณภายในร้านมีการตกแต่งอย่างสบายตาและเรียบๆสวยงาม ทำให้เป็นที่เหมาะสำหรับการทำงานหรือการพักผ่อน เครื่องดื่ม: มีเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลาย เช่น กาแฟ, ชา, ลาเต้, โกโก้, และเมนูสุขภาพ 8. Jade Old Town เป็นร้านคาเฟ่ที่มีบรรยากาศอบอุ่นและเป็นสไตล์วินเทจ ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าของกรุงเทพฯ ที่มีอาคารและถนนเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ร้านนี้เสนอเครื่องดื่มที่หลากหลายและขนมหวานที่อร่อย ที่ตั้ง: ถนนเจริญกรุง (ย่านเมืองเก่า), พระราม 4 เขต สัมพันธวงศ์ จุดเด่น:บรรยากาศ: ร้านมีบรรยากาศอบอุ่นและเป็นสไตล์วินเทจ มีการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์และมุมมองที่สวยงามของย่านเมืองเก่า เครื่องดื่ม: มีเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลาย เช่น กาแฟ, ชา, ลาเต้, และเครื่องดื่มสมุนไพร ขนมหวาน: มีขนมหวานอร่อย ๆ เสนอให้เลือกชิม เช่น คุ้กกี้, มัฟฟิน, และเค้กต่าง ๆ 9. B-Story Garden Cafe & Restaurants เป็นสถานที่พักผ่อนและรับประทานอาหารที่มีบรรยากาศสวนที่งดงาม ตั้งอยู่ที่ใจกลางเขตรามอินทรา ร้านนี้มักตกแต่งร้านตามเทศกาลต่างๆ ได้อย่างอลังการ ที่ตั้ง: เลียบด่วน รามอินทรา จุดเด่น:
(13/06/2024 13:00) ...อ่านต่อวันนี้มีโอกาสได้ไปดินเล่นตลาดจ๊อดแฟร์ (Jodd Fairs) เป็นตลาดกลางคืนยอดนิยมในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บริเวณถนนพระราม 9 ใกล้กับเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น ช้อปปิ้ง และทานอาหารพร้อมกับเพื่อนและครอบครัว บรรยากาศที่นี่เป็นกันเองและมีสีสัน ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมทั้งในหมู่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ข้อมูลทั่วไป ที่ตั้ง: ริมถนนพระราม 9 ใกล้กับเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 เวลาทำการ: เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 17:00 - 24:00 น. สิ่งที่น่าสนใจ 1) อาหารและเครื่องดื่ม - เด่นเรื่องเล้งแซ่บ ร้านค้าของกินจะเห็นนักท่องเที่ยวนิยมนั่งกิน เล้งแซ่บกันเยอะมาก เราเลยลองเข้าไปกินดู รสชาติอร่อยดีนะ - มีร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อาหารนานาชาติ อาหารทะเล อาหารจานด่วน และของหวาน - ของทานเล่นและเครื่องดื่มหลากหลายประเภท รวมถึงร้านคาเฟ่และบาร์ 2) สินค้าแฟชั่นและเครื่องประดับ - เสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับทั้งชายและหญิง - กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ 3 ) ของใช้และของตกแต่งบ้าน - ของใช้ในบ้าน ของตกแต่งบ้าน และของที่ระลึก 4) กิจกรรมและความบันเทิง - การแสดงสดจากนักดนตรีและนักแสดง - บรรยากาศแบบชิล ๆ ที่นั่งเล่นได้ตามสบาย การเดินทาง - รถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ลงที่สถานีพระราม 9 แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที - รถยนต์ส่วนตัว มีที่จอดรถในบริเวณใกล้เคียง (แนะนำให้ตรวจสอบที่จอดรถก่อน เนื่องจากบางครั้งอาจเต็ม) หรือว่านำรถมาจอดที่ Central พระราม 9 ก็สะดวกดีนะ คำแนะนำ - เนื่องจากตลาดเป็นที่นิยมมาก การมาช่วงเย็นหรือช่วงกลางคืนอาจจะพบกับความแออัด แนะนำให้มาก่อนช่วงเวลาเร่งด่วนเล็กน้อยเพื่อเลือกที่นั่งและเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งและทานอาหาร - สวมใส่รองเท้าที่สบาย เพราะต้องเดินเยอะ
(11/06/2024 11:00) ...อ่านต่อหลังที่จากค้นหาที่เที่ยวมานานว่าช่วงต้นปีจะไปพักผ่อนเวเคชั่นที่ไหนดี จึงมาลงเอยที่ น่าน เมืองเหนือเมืองเล็กๆแต่เต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรมอันเก่าแก่และธรรมชาติที่น่าค้นหา ตอนแรกผู้เขียนว่าจะไปต้นปีช่วงปลายหนาวกำลังดี แต่ล่วงเลยด้วยภารกิจหน้าที่เลยทำให้ลงเอยที่ช่วงเกือบเดือนต้นร้อน (15-18 มี.ค.) จากนั้นจึงเริ่มวางแผนการเดินทาง แอบบอกว่าทริปนี้จะไปตามล่าหาทางช้างเผือกกันบนดอยด้วย เมื่อทุกอย่างลงตัว สมาชิกร่วมเดินทางพร้อมจึงเริ่มออกเดินทางกันเช้าตรู่ของวันที่ 15 ออกจาก กทม มุ่งสู่เหนือจังหวัดน่านดินแดนเล็กๆที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของชาวเมืองน่าน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชม. ถึงประมาณเย็นๆบ่าย 3 โมง 2 วันแรกสมาชิกวางแผนกันเที่ยวในเมืองน่าน จะสัมผัสบรรยากาศวิถีชีวิตชาวเมืองน่านกันให้เต็มอิ่ม โดย จขกท เลือกพักที่ลีลาวดีรีสอร์ทซึ่งห่างจากตัวเมืองน่านประมาณ 5 กิโล หลังจากนำของเข้าที่พักแล้ว จึงออกมาหาข้าวเย็นกินในตัวเมืองน่านและเที่ยวเรียกน้ำย่อยนิดหน่อยสำหรับวันนี้ สะดุดตาเข้ากับร้านก๋วยเตี๋ยวไร้เทียมทาน หน้าโรงเรียนบ้านดอน ร้านนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวเสริฟพร้อมเล้งในตัวเนื้อนุ่มแน่นอร่อยย 10 10 10 ไปเลยจ้าา ต่อไปจึงไปเที่ยว วัดพระธาตุเขาน้อย ไหว้พระให้เป็นสิริมงคลท่องเที่ยวปลอดภัยตลอดทริปนี้กันหน่อย ก่อนกลับไปพาสมาชิกไปดูออเจ้าคืนนี้ 555 ซึ่งวัดนี้ตั้งอยู่บนดอยเขาน้อย อยู่ทางตะวันตกของเมืองน่าน สร้างในสมัยเจ้าปู่แข็ง เมื่อปี พ.ศ. 2030 องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่อ อิฐถือปูนทั้งองค์ เป็นศิลปะพม่าผสมล้านนา มุมด้านหลังพระธาตุก็สง่างามไม่เบา จากวัดพระธาตุเขาน้อย สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองน่าน ปัจจุบันบริเวณลานชมทิวทัศน์ ประดิษฐานพระพุทธมหา อุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร บนฐานดอกบัวสูง 9 เมตร บนยอดพระเกศาทำจากทองคำหนัก 27 บาท สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ฯ ทรงเจริญ พระชนมพรรษา 6 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 เช้าวันที่ 2 ตื่นมาทานอาหารเช้าที่บ้านพักรีสอร์ท แอบบอกว่าอาหารเช้าอร่อยยยมากกกกจริงๆ พนักงานบริการดีสุดไม่ได้หน้าม้าแต่บอกต่อด้วยความประทับใจจริงนะเออ 10 โมงมุ่งหน้าออกเที่ยวในตัวเมืองให้เต็มที่โดยที่แรกที่ไปคือ หอศิลป์ริมน่านห่างจากตัวเมืองราว 20 กม. เป็นคล้ายๆแหล่งรวมศิลปะและ วัฒนธรรมของชาวจังหวัดน่าน โดยเป็นก่อตั้งและดำเนินงานโดยศิลปินชาวน่าน คุณวินัย ปราบริปู ศิลปินชาวน่านที่ใช้เวลารังสรรค์สร้างขึ้นมากว่า 5 ปี ทำให้ได้สถานที่ท่องเที่ยวอาร์ทๆแบบนี้ให้ได้ชมและเที่ยวกัน เดินเพลินไปหน่อยในหอศิลป์เลยแวะไปฝากท้องที่ ข้าวซอยบ้านไทลื้อ ไปถึงซะเย็นโชคดีที่อาหารพอสำหรับสมาชิกพอดิบพอดี เรียกว่าเหมาปิดร้านไปเลย ฮ่าๆ เลยได้แบบจัดเต็ม อิ่มท้อง ข้าวซอยร้านนี้อร่อย น้ำข้นได้รสชาติอาหารเหนือยอดฮิตนี้ไปเต็มๆเลยยเจ้า หลังจากฝากท้องร้านนี้เสร็จจึงไปเที่ยว วัดศรีมงคล เป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2395 ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจอาทิเช่น วิหารหลวงที่มีภาพจิตกรรมบนฝาผนัง พิพิธภัณฑ์มงคลธรรมรังสี ที่รวมรวมของโบราณต่างๆให้ได้ชมกัน แอบบอกว่ามีของให้รำลึกความแก่เต็มเลยย ฮ่าๆ สวยงามเพลินมากๆ มีจุดถ่ายรูปเต็มไปหมดเลย ไปเที่ยว วัดภูเก็ต ชื่อวัดภูเก็ตไม่อยู่ใต้ แต่อยู่เหนือนะเอออ ไป Search หาข้อมูลมาจึงทำให้รู้ว่าวัดนี้ตั้งอยู่แถวๆหมู่บ้านเล็กๆที่ชื่อว่าหมู่บ้านเก็ต และชาวเหนือเรียกเนินเขาว่า ภู หรือ ดอย จึงเป็นที่มาของวัดภูเก็ตนั่นเองงง อ๋ออออออ ด้านล่างวัดข้างหมู่บ้าน เป็น ตูบนาไทลื้อ สถานที่ให้ได้จิบกาแฟกันเบาๆ สไตล์ลูกทุ่งกันด้วยแหละ เกือบเย็นแล้วก่อนกลับที่พักแวะเที่ยววัดภูมินทร์ในตัวเมืองใกล้กับพิพิธภัณฑสถาน-แห่งชาติน่าน กันสักหน่อย วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2139 โดยพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครอง เมืองน่าน ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระพักตร์ออก ด้านประตูทั้งสี่ทิศ หันเบื้องพระปฤษฏางค์ ชนกันประทับ นั่งบนฐานชุกชี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ชม พระอุโบสถจตุรมุข ภาพจิตกรรมบนฝาผนังอันเลื่องลืน ปู่ม่านย่าม่าน ตำนานกระซิบบรรลือโลกกันสักหน่อย ภาพแห่งความรักที่เป็นตัวบ่งบอกรักที่ยาวนานเป็นอมตะ เพราะเป็นภาพ “ปู่ม่านย่าม่าน” หรือ “ภาพกระซิบรัก” ที่ถูกวาดขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2410-2417 โดยหนานบัวผัน ศิลปินชาวไทลื้อ ที่แสดงออกถึงการแต่งกายเต็มยศของผู้ชาย ผู้หญิง ชาวไทลื้อ เสร็จจากวัดนี้พลบค่ำพอดี ออกจากวัดมาเจอตลาดข้างๆวัด และลานหน้าวัดมีจัดกิจกรรม ลานขันโตก ให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อของกินมานั่งกินบนลานขันโตก (น่าจะไปช่วงกีฬาจังหวัดน่านพอดี) กินลมชมบรรยากาศชาวเมืองน่านได้เต็มๆ อบอุ่นมากก ข้อดีของจังหวัดนี้จากที่สัมผัสมาคือ ชาวน่านใจดี วิถีชีวิตดำเนินไปอย่างสบายๆ สถานที่ท่องเที่ยววัฒนธรรมจำพวกวัดเก่าต่างๆ มีอยู่ตัวเมืองน่านกันมากมายทีเดียว ทำให้เที่ยวสนุกขับรถไม่เหนื่อยเลย วันที่ 3 แล้ววววว อาหารเช้าที่พักยังคงอร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงและเช็คเอ้าออกจากที่พักเพื่อเตรียมตัวขึ้นดอยไปล่าทางช้างเผือกกันในคืนนี้บน ดอยเสมอดาววววว เริ่มเลยท่องเที่ยวในตัวเมืองอีก ประเดิมวัดแรกของวันด้วย วัดศรีพันต้น เป็นวัดที่สร้างโดยเจ้าผู้ครองนครน่าน แห่งราชวงศ์ภูคา ราว พ.ศ. 1960 - 1969 ภายในวัดมีวิหารที่สวยงาม ตั้งเด่นเป็นสง่ามีสีทองระยิบระยับ มีรูปปั้นพญานาคเจ็ดเศรียญอยู่ทั้งสองราวบันได สวยงามมากจริงๆ ก่อนขึ้นดอยขอเที่ยวในตัวเมืองอีกนิดที่ ซุ้มลีลาวดี พิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวไปถ่ายรูป เช็คอิน ได้ฟินๆอีกหนึ่งที่ และตรงข้ามอุโมงค์ลีลาวดีเป็น วัดพระธาตุช้างค้ำ เป็นเจดีย์ที่ได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปะสุโขทัย ภายในวัดประดิษฐานเจดีย์ช้างค้ำ ซึ่งเป็นศิลปสมัยสุโขทัย อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 เลยแวะเข้าไหว้พระกันอีกเสียหน่อย
(10/06/2024 10:00) ...อ่านต่อ