ประวัติและตำนานการกำเนิดของพญาครุฑ
ความเชื่อและความศรัทธา > ประวัติและตำนานการกำเนิดของพญาครุฑ
26/04/2025 15:08
36
ประวัติและตำนานการกำเนิดของพญาครุฑ
พญาครุฑ เป็นสัตว์กึ่งเทพในตำนานที่สำคัญอย่างยิ่งในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และได้รับการนับถือแพร่หลายในวัฒนธรรมไทย ทั้งในฐานะสัญลักษณ์แห่งอำนาจราชวงศ์ และในทางศาสนา
ต้นกำเนิดของพญาครุฑ

กัศยปะมุนี (ท้าวทัศรถ) และชายาทั้งสอง
- กัศยปะมุนี: ในตำนานฮินดู กัศยปะมุนีเป็นหนึ่งในฤษีผู้ยิ่งใหญ่ เป็นบุตรของพระพรหม และถือเป็นบิดาแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเทพ อสูร มนุษย์ นาค ครุฑ และสัตว์ต่างๆ ในบริบทของไทย บางครั้งจะมีการเชื่อมโยงหรือเทียบเคียงกับท้าวทัศรถ (พระบิดาของพระรามในรามายณะ) ซึ่งแสดงถึงความสำคัญในฐานะผู้ให้กำเนิด
- นางวินตา (นางวิมาดา/นางทาสี): เป็นหนึ่งในชายาหลายองค์ของกัศยปะมุนี นางเป็นมารดาของพญาครุฑและอรุณ (สารถีของพระอาทิตย์) มีลักษณะเป็นผู้มีคุณธรรม แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมจากการพนัน
- นางกัทรุ (นางกัทรี): เป็นชายาอีกองค์ของกัศยปะมุนี และเป็นมารดาของพญานาคทั้งปวง มีลักษณะเจ้าเล่ห์เพทุบาย ซึ่งเป็นชนวนเหตุของความบาดหมาง

การพนันและผลกรรม
- เรื่องราวการพนันเกี่ยวกับสีของม้าอุไฉศรพเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง นางวินตาเห็นว่าม้ามีสีขาวบริสุทธิ์ แต่ด้วยกลอุบายของนางกัทรุที่สั่งให้เหล่านาคแปลงกายเป็นขนสีดำแทรกอยู่ในตัวม้า ทำให้นางวินตาเข้าใจผิดและแพ้พนัน
- ผลจากการแพ้พนัน ทำให้นางวินตาและอรุณผู้เป็นบุตรต้องตกเป็นทาสรับใช้นางกัทรุและเหล่านาคเป็นเวลานาน สภาพความเป็นทาสนี้สร้างความทุกข์ทรมานอย่างยิ่งให้กับนางวินตา

การปฏิสนธิและการประสูติของพญาครุฑ
- ด้วยฤทธิ์อำนาจของกัศยปะมุนีและการบำเพ็ญตบะของนางวินตา พญาครุฑจึงปฏิสนธิในครรภ์ของนาง
- การตั้งครรภ์และการประสูติของพญาครุฑนั้นแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป กล่าวกันว่าเมื่อถึงกำหนดคลอด พญาครุฑได้กำเนิดออกมาพร้อมกับรัศมีอันเจิดจ้าและพลังมหาศาล ร่างกายขยายใหญ่จนทำให้โลกสั่นสะเทือน เหล่าเทพและฤษีต่างตกตะลึงในอานุภาพ
- บางตำนานกล่าวว่า พญาครุฑมีร่างกายเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งนกอินทรี มีจะงอยปากและกรงเล็บที่แข็งแกร่ง ปีกขนาดใหญ่ที่สามารถพัดให้เกิดพายุได้ และมีพละกำลังมหาศาล
การรับรู้ถึงความทุกข์ของมารดาและการตัดสินใจช่วยเหลือ
- เมื่อพญาครุฑเติบโตขึ้นและทราบถึงชะตากรรมอันน่าเศร้าของมารดาที่ต้องตกเป็นทาสรับใช้เหล่านาค ความกตัญญูและความโกรธแค้นก็ประทุขึ้นในใจ
- พญาครุฑตั้งใจแน่วแน่ที่จะช่วยเหลือมารดาให้พ้นจากพันธนาการนี้ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคและความยากลำบากเพียงใดก็ตาม

การเดินทางไปชิงน้ำอมฤต
- เหล่านาคได้แจ้งเงื่อนไขแก่พญาครุฑว่า หากต้องการไถ่มารดาให้เป็นอิสระ จะต้องนำน้ำอมฤตจากสวรรค์มาให้
- พญาครุฑจึงออกเดินทางไปยังสวรรค์เพื่อชิงน้ำอมฤต ซึ่งเป็นภารกิจที่เต็มไปด้วยอันตราย ต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้กับเหล่าเทพผู้รักษา รวมถึงพระอินทร์ผู้ทรงวัชระ
- ด้วยพละกำลังและฤทธิ์เดชอันเหนือกว่า พญาครุฑสามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ และชิงน้ำอมฤตมาได้สำเร็จ

ข้อตกลงและการผิดสัญญาของนาค
- เมื่อพญาครุฑนำน้ำอมฤตมาถึง เหล่านาคได้วางอุบายโดยขอให้วางน้ำอมฤตไว้บนพื้นและจะทำพิธีบูชาก่อนดื่ม เมื่อพญาครุฑวางน้ำอมฤต เหล่านาคก็รีบดื่มกินน้ำอมฤตก่อนที่พญาครุฑจะทันได้ไถ่มารดาอย่างสมบูรณ์
- อย่างไรก็ตาม ด้วยอำนาจของพระนารายณ์หรือด้วยอานุภาพของน้ำอมฤตเอง ทำให้เพียงแค่เลียน้ำอมฤต เหล่านาคก็ได้รับฤทธิ์เดชและความเป็นอมตะบางส่วน แต่ลิ้นของพวกเขาก็ถูกคมหญ้าบาด ทำให้ลิ้นของนาคจึงมีสองแฉกแต่นั้นมา (เป็นความเชื่อที่ปรากฏในบางตำนาน)

การได้รับพรและการเป็นพาหนะของพระนารายณ์
- ด้วยความกล้าหาญ ความกตัญญู และพลังอำนาจของพญาครุฑ พระนารายณ์ทรงเล็งเห็นถึงคุณสมบัติอันโดดเด่น จึงประทานพรให้พญาครุฑเป็นอมตะโดยไม่ต้องดื่มน้ำอมฤต และให้มีอำนาจในการจับนาคกินได้
- นอกจากนี้ พระนารายณ์ยังทรงเลือกพญาครุฑให้เป็นพาหนะประจำพระองค์ ซึ่งเป็นการยกย่องและแสดงถึงความสำคัญของพญาครุฑในจักรวาลวิทยา

บทบาทและความเชื่อในวัฒนธรรมไทย
- ในวัฒนธรรมไทย พญาครุฑไม่ได้เป็นเพียงสัตว์ในตำนาน แต่ได้รับการยกย่องให้เป็น สัญลักษณ์แห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ และ อำนาจแห่งรัฐ ปรากฏในตราแผ่นดิน ธงชาติ (ในอดีต) และสัญลักษณ์ของหน่วยงานราชการต่างๆ
- ความเชื่อใน อานุภาพการปกป้องคุ้มครอง จากภัยอันตราย สิ่งชั่วร้าย และคุณไสยต่างๆ เป็นสิ่งที่ฝังลึกในสังคมไทย การบูชาหรือการมีรูปเคารพพญาครุฑจึงเป็นที่นิยม
- พญาครุฑยังเป็นสัญลักษณ์ของ ความเจริญรุ่งเรือง ยศถาบรรดาศักดิ์ และความซื่อสัตย์

ให้คะแนนความพึงพอใจของคุณกับบทความนี้
แสดงความคิดเห็น
อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *